วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ใกล้สารทจีนมาแล้ว มาทำขนมเข่งกันเถอะ

http://www.nightsiam.com/forum/index.php?topic=1086.0

มาเริ่มจาก ไปซื้อของมาก่อนนะจ๊ะ

แล้วเตรียมเสร็จ ก็เตรียมเวลา

5 4 3 2 วันศุกร์ ที่ 22 ก.ค.นี้ Day off แล้วเรามาทำกานนนนะจ๊ะ

คิดถึง Blogจังเลยยยย กว่าจะมีเวลาว่าง เฮ้อออออ

นานแค่ไหนแล้วนะเนี่ย ที่ไม่ได้up blog เลย (มั่วแต่เล่น facebookอยู่อ่ะ อิอิ)

แต่ต่อนี้ไปก็จะเข้ามาอัพบ่อยๆ หาเวลาเข้ามาบ่อยๆ ละกานนนนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ช่อมาลี

ก็ทำถั่วแปบแล้ว มะพร้าวทึนทึกขูด กะ ถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่ง มันเหลือ


ก็เลยมาทำ ขนมช่อมาลี ต่อเลย (จริง ปรับสูตรมาจาก ช่อม่วงแต่ด้วยความที่หาออกอัญชันไม่ได้

เลยไม่ใส่(ไม่อยากใช้สีผสมอาหารด้วย เลยให้มันขาวๆ ตามธรรมชาติตั้งให้ใหม่ว่า ช่อมาลิ จะช่อมะลิ

ก็ไม่ว่ากัน ตามแต่จะตั้งไป 5555)




มาทำกันเลย ส่วนประกอบก็มี

1.แป้งข้าวเจ้า 170 กรัม

2.แป้งข้าวเหนียว 20 กรัม

3.น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง



นำไปตั้งไฟกวนแป้งให้สุก พอปั้นได้ ปั้นเป็นก้อนเล็ก ขนาดประมาณ 2 เชนติเมตร

พักไว้




ไส้หวาน

1.มะพร้าวทึนทึกขูด 1 ถ้วย

2.น้ำตาลปี๊บ 50 กรัม

3.หัวกะทิ 2 ช้อนโต๊ะ

4.แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ



ไส้ถั่วกวน

1.ถั่วเขียวนึ่ง (เลาะเปลือก) 2 ½ ถ้วย

2.น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (100 กรัม)

3.หัวกะทิ 1 ถ้วย

4.เกลือป่น ¼ ชช.

ขนมเปี๊ยกุหลาบขาว

เมื่อครั้งก่อนทำ ขนมถั่ว แปบไป ปอยแช่ถั่วเขียวเลาะเปลือก(ถั่วทอง) ไปตั้ง 500 กรัม


แช่ออกมาได้ถั่วนึ่งสุก เป็นกิโลเลย

ทำถั่วแปบได้ 50 กว่าตัว จากแป้งข้าวเหนี่ยว 500 กรัม



ก็นึกเสียดายถั่วเขียวกะมะพร้าวทึนทึกขูดที่เหลือ

เลยเอามาดัดแปลงทำขนมเปี๊ยไส้เค็มซะเลย


Tips คนสมัยก่อนเวลาทำขนมจะไม่ทิ้งของที่เหลือจากการทำขนมครั้งแรก แต่จะใช้วิธีดัดแปลง

ทำเป็นขนมชนิดใหม่ขึ้นมาอีก ไม่ใช่แค่อาหารหวานเท่านั้น คนภาคเหนือเองก็นำแกงต่างๆ ที่เหลือ

จากการบริโภคในมื้อแรก มาทำเป็นอาหารคาวชนิดใหม่ อย่าง แกงโฮะ เป็นการนำแกงฮังเล แกงหน่อไม้ แกงเขียวหวาน มาผัดรวมกันโดยใส่วุ้นเส้นเข้าไป ได้รสชาติอร่อยไปอีกแบบ แต่อย่าคิดรังเกียจแกงโฮะนี่เชียว ปัจจุบันเขาทำใหม่ๆ ไม่ได้นำอาหารเหลือมาทำกันหรอกนะจ๊ะ (อร่อย ทานได้สบายใจ ไม่ต้องห่วง)

เอาล่ะ มาดูส่วนผสมกันเลยนะ

เริ่มจาก

แป้งชั้นใน

1.แป้งเค้กพัดโบก 300 กรัม

2. น้ำมันพืช 120 มล.

ผสมและนวดให้เข้ากันจนเนียน ตัดก้อนแป้งแบ่งเป็นก้อนละ 20 กรัม

แป้งชั้นนอก

1.แป้งเค้กพัดโบก 360 กรัม

2.น้ำมันพืช 75 กรัม

3.เนยขาว 50 กรัม

4.น้ำผึ้ง 2 ชช.

5.น้ำ 25 มล.

ผสมและนวดให้เข้ากันจนเนียน ตัดก้อนแป้งแบ่งเป็นก้อนละ 30 กรัม

(สัดส่วนของแป้งชั้นนอกปอยดัดแปลงจากตำราหลายเล่มค่ะ เล่มหนึ่งจะใช้แบะแซแทนน้ำผึ้ง หรือใช้น้ำตาลทราย แต่ปอยใช้น้ำผึ้งเพราะไม่มีแบะแซและก็ไม่อยากใช้น้ำตาลทราย บางตำราใช้น้ำมันหมูแทนน้ำมันพืช บางตำราใช้เนยขาวแทนน้ำมันพืช ปอยเลยเอามาดัดแปลงใช้น้ำมันพืชกะเนยขาวผสมกัน เพราะไม่อยากใช้เนยขาวล้วนๆ มันดูเยอะไปแต่ก็อยากให้แป้งเหนียวกว่าแป้งชั้นในจึงใช้เนยขาวค่ะ)

ไส้เค็ม

1.น้ำตาลทราย 100 กรัม

2.เกลือ 5 กรัม (2ชช.)

3.ถั่วเขียวนึ่งสุก 350 กรัม

4.กุ้งแห้งป่น 50 กรัม

5.งาขาว 50 กรัม

6.พริกไทย 1 ชช.

7. น้ำมันพืช 80 กรัม

8.น้ำ 25 มล.


น้ำตาลทราย น้ำ และเกลือตั้งในกระทะให้เป็นยางมะตูม (Tips เวลาเขี่ยวน้ำตาลห้ามคนเด็ดขาดเพราะจะทำให้น้ำตาลตกผลึกได้ปล่อยให้ละลายเอง และอย่าตั้งนานเกินไปจะทำให้ไหมและมีสีไม่สวยกลิ่นไม่ดี)ใส่กุ้งแห้งป่น งาขาว ถั่วเขียวนึ่ง (ในที่นี่ ปอยเอาถั่วเขียวที่นึ่งกับมะพร้าว ที่เหลือจากทำขนมถั่วแปบมาทำอาจมีมะพร้าวปนบางเล็กน้อยนะคะ)









ค่อยเทน้ำมันพืช พริกไทย ลงไปกวน

จากนั้นค่อยกวนด้วยไฟปานกลางจนสามารถปั้นเป็นก้อนได้ ยกลงพักให้เย็น
ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ก้อนละ 20 กรัม






จากนั้น นำแป้งชั้นนอกห่อแป้งชั้นในให้มิด




แล้วคลึงเป็นท่อนยาว จากนั้นใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งให้เป็นแผ่นยาว ม้วนโรล
 และรีดให้เป็นแผ่นยาวแล้วม้วนอีกครั้งจากนั้น

ตัดครึ่ง จะได้ก้อนแป้ง 2 ลูก โดยหันด้านที่มีลายออกด้านนอก

แล้วกดรีดด้านไม่มีลายไว้ด้านใน


นำไปห่อไส้ที่ปั้นรอไว้ให้มิด
เรียงใส่ถาดทาไขมัน อบไฟ 180 องศาซี ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ครั้งนี้ปอยอบไป 30 นาทีเกือบไหม้ เพราะกลัวไม่สุก จริงๆ 20-25 นาทีน่าจะพอแล้วล่ะค่ะ

จากนั้นนำมาอบควันเทียน กลิ่นจะได้หอมไทยๆ ดีนะคะ



เห็นป่ะ Easy easy ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้ ลองดูนะคะ

เผื่อว่าคุณจะทำได้น่าทานอร่อยกว่าก็ได้

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ขนมถั่วแปบ

วันนี้มาซะไทย เลย อิอิ


จริง ทำบูลเบอรี่ชีสเค้ก กะชีสพายเสร็จไปแล้วแต่ว่า ยังไม่ได้เอารูปมาลง

ขอติดสูตรไว้ก่อนนะจ๊ะ



เมื่อวานออกใจอยากทำขนมไทย ก็เลยไปซื้อของมาทำขนมถั่วแปบดูล่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียมและขั้นตอนการทำ



1.แป้งข้าวเหนียวอย่างดี 500 กรัม นวดกับน้ำ 2 ถ้วยกว่านิดๆ อย่าให้แป้งแฉะ พอปั้นได้ นำไปปั้นเป็นก้อนกลมๆ เรียงไว้ลงนึ่งในลังถึง ขนาด ประมาณ 1นิ้วครึ่ง นึ่งไม่เกิน 5 นาทีก็สุก นำมาปั้นใส่ใส้ถั่วทองที่นึ่งไว้ คลุกด้วยมะพร้าวขูดฝอย

2.มะพร้าวขูดฝอย 250 กรัม นำมะพร้าวไปนึ่งพร้อมกับถั่วแยกชั้นกัน เพื่อให้มะพร้าวเก็บได้นานไม่บูดง่าย

3.ถั่วเขียวซีกกะเทาะเปลือกแล้ว(ถั่วทองนั่นเอง) 2 ถ้วย แช่น้ำร้อนทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง

นำไปนึ่งให้สุก

4.น้ำตาลทรายขาว งาขาวคั่วสุก เกลือเล็กน้อย เอาไว้โรยหน้าทานอะไรดี



แค่นี้เองค่ะ



Easy Easy ง่ายๆ อีกล่ะเห็นป่ะง่ายนิดเดียวเองอ่ะ

คราวหน้าจะเอาสูตรและวิธีทำ


ข้าวเหนียวมูน กะ สังขยามาลงนะจ๊ะ ติดไว้ก่อนนะ



นานๆ เจอกันที ถึงไม่เข้ามาup บ่อยนัก แต่ก็รักและคิดถึงนะจ๊ะ

มีไรก็มาแชร์กันได้นะจ๊ะ



บ่าย บ่าย จ้า

บูลเบอรี่ชีสเค้ก & บูลเบอรี่ชีสพาย เร็วๆ นี้

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มาทำไวท์เค้ก กันเถอะ

มาหัดทำเค้กกันดีไหมค่ะ ตามประสา ศิลย์ไม่มีครู (จริงๆ อยากไปลงครอสทำเบเกอรี่กับเค้าบ้าง แต่ ต้องต้องมีเวลาตรงกับที่เค้าเปิดสอนด้วย เลยใช้วิธีลองผิดลองถูก หัด ทำไปเรื่อย หวังว่าสักวันจะทำเป็นและชำนาญขึ้นได้ในไม่ช้า น่ะค่ะ

วันนี้ปอยเลือกทำเค้กจากแป้งผสมสำเร็จตรา ซุปเปอร์ม้อยซ์
มาเริ่มกันเลยนะคะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
http://picasaweb.google.co.th/PoyMumJ/171009?authkey=Gv1sRgCMb0hO6Swo3PXQ#5393854148045064658

1.แป้งเค้กสำเร็จรูป ซุปเปอร์ม้อยซ์ สูตรไวท์เค้ก
2.ไข่ไก่ (เอาเฉพาะใข่ขาว) 3 ฟอง
3.น้ำมันพืืช 3/4 ถ้วยตวง
4.น้ำ1 1/4ถ้วยตวง
5.พิมพ์เค้กทรงสูง ขนาด 8 นิ้ว (3ปอนด์)

วิธีทำ ง่ายๆ easy easy  (ทำตามที่ข้างกล่องบอกได้เลย)
Tips ร่อนแป้งเค้กสำเร็จอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ส่วนผสมกระจายตัว และไม่จับตัวเป็นก้อน หรือเม็ดแป้ง ช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีขึ้น


Tips วิธีแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ถ้าจะให้ง่าย ควรนำไข่ไก่ไปแช่เย็นก่อน

Tips สำหรับสปองจ์เค้ก ไข่ไก่ที่ใช้ต้องสด และ หากนำออกมาจากตู้เย็นต้องทิ้งไว้ให้อยู่ในอุณหภูมิห้องเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเค้กที่อบออกมาจะเป็นไตได้ค่ะ

Tips สำหรับสปองจ์เค้ก แม่พิมพ์ที่ใช้ต้องสะอาดไม่มีไขมันนะคะ ถ้าไม่แน่ใจ ให้นำพิมพ์ไปลวกน้ำร้อนก่อนก็ดีค่ะ ไม่ต้องรองกระดาษไขค่ะ

(โดนมาแล้ว ไม่รู้ว่าสปองจ์เค้ก กะ เค้กเนยใช้ไข่ไก่คนละอย่างถ้าเป็นเค้กเนยต้องใช้ไข่ไก่เย็น)

Tips สำหรับการอุ่นเตา ต้องอุ่นให้ได้อุณหภูมิที่กำหนดตามตำราก่อน ไม่เช่นนั้นเค้กจะหน้าแตก หรือ ไหม้ หรือไม่สุกได้ค่ะ 55555 เพราะเพิ่งเจอกะตัวเอง ก็คราวนี้ไง มีข้อผิดพลาดนิดหน่อยค่ะ ระหว่างการอบเตาอบอุณหภูมิยังไม่คงที่ เพิ่มไป 370 F แถมอบนานเกินไป ตั้ง 45 นาทีแหน่ะค่ะ
หน้าตาเลยออกมาอย่างที่เห็น




ยังดีนะที่พอทานได้แม้จะแห้งไปสักหน่อย แต่ก็ขาว เนื้อเค้กไม่ค่อยละเอียดนัก เพราะปอยไล่ออกอากาศออกน้อยเกินไป ใช้วิธีเคาะพิมพ์กับโต๊ะเบา เท่านั้นเอง พี่แอ๋มข้างบ้านบอกว่าต้องเอาไม้จิ้ม ฟอกอากาศจะได้ไม่ใหญ่เป็นโพรงมากเกินไป

Tips วิธีเช็คเค้กว่าสุกหรือเปล่า ก็เอาไม้จิ้มตรงกลางเค้ก ถ้าไม่มีเศษเค้กติด หรือ ไม่แฉะเป็นอันว่าสุก

Tips ระหว่างอบ อย่างเปิด - ปิด บ่อยจะทำให้เค้กไม่ฟู หรือ ยุบ ไม่สุกได้นะคะ